IUIทำได้กี่ครั้ง เหมาะกับใคร เลือกเพศ ทำแฝดได้มั้ยค่าใช้จ่าย ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง?

INTRA UTERINE INSEMINATION (IUI) TREATMENT

IUI เกี่ยวข้องกับการใส่อสุจิที่เตรียมไว้ลงในมดลูกของผู้หญิงตามเวลาที่กำหนดอย่างระมัดระวัง ขั้นตอนนี้จะเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิและการตั้งครรภ์ ขั้นตอนนี้สามารถทำได้โดยมีหรือไม่มียารักษาภาวะมีบุตรยากเพื่อกระตุ้นการตกไข่ ทำให้เป็นวิธีที่หลากหลายและเข้าถึงได้อย่างกว้างขวางในการช่วยให้เป็นพ่อแม่

IUI คืออะไร?

การผสมเทียมระหว่างมดลูก (IUI) คือการรักษาภาวะเจริญพันธุ์ที่นำสเปิร์มที่ฝังเข้าไปในมดลูกของคุณ ในผู้หญิงที่มีสุขภาพดี ไข่จะไปถึงท่อนำไข่จากรังไข่ ซึ่งเป็นที่ที่ไข่และอสุจิได้รับการปฏิสนธิ เมื่อสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ผู้หญิงสามารถเลือก IUI ซึ่งเป็นการผสมเทียมประเภทหนึ่งได้ ในขั้นตอนนี้ตัวอสุจิจะถูกล้างและใช้เฉพาะตัวอสุจิที่มีคุณภาพดีเท่านั้น การรักษาด้วย IUI หมายความว่าอสุจิของคู่ครองถูกฉีดเข้ามดลูก ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์มักเลือก IUI ก่อนที่จะพิจารณาการรักษาภาวะเจริญพันธุ์แบบอื่น  คุณอาจได้รับคำแนะนำให้ใช้ยารักษาภาวะมีบุตรยากเพื่อให้แน่ใจว่าไข่จะถูกปล่อยออกมาระหว่างการตกไข่ การผสมเทียม IUI สามารถทำได้ด้วยอสุจิของคู่ของคุณหรือกับอสุจิของผู้บริจาค

IUI ไม่สามารถคัดเพศ หรือ ทำแฝดได้ เป็นการคัดสรร โดยธรรมชาติโดยตรง

เพราะ IUI เป็นการฉีดเชื้อเข้าไปหาไข่ที่ตกในวันตกไข่ มันเป็นขั้นตอนธรรมชาติ ตั้งแต่ไข่ตก จนถึงกระบวนการฝังตัวอ่อน อสุจิตัวไหนวิ่งเจาะไข่ก่อนได้ก็เพศนั้นค่ะ แต่ติดแล้วก็มีโอกาสจะไม่ใช่เพศที่ต้องการด้วยน่ะสิ เพราะการคัดเชื้อแบบ IUI มันไม่ได้เลือกเพศเป๊ะๆ แบบ 100%นั้นเองค่ะ

โดยการเก็บเชื้อของฝ่ายชายออกมาทำการเตรียมอสุจิ โดยการปั่นคัดแยกอสุจิตัวที่ตายออก ซึ่งการเตรียมเชื้อสำหรับการทำ IUI นี้ไม่ได้มีการส่องคัดเลือกดูโครโมโซมเพศของสุจิแต่อย่างใด ไม่ได้ทำการคัดเลือกสเปิร์มตัวที่ดีที่สุดไปจับเจาะไข่อย่างเช่น ICSI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงกว่า ดังนั้นมันจึงเป็นวิธีตามธรรมชาติ สเปิร์มต้องว่ายเอง และก็ลุ้นเพศกันตามธรรมชาติค่ะ ไม่สามารถเลือกเพศได้อัตราความสำเร็จของ IUI อยู่ที่ประมาณ 15-20%ต่อรอบการรักษาเท่านั้นเอง

การรักษาด้วย IUI เป็นที่นิยมหรือไม่?

คู่รักอาจเลือกการผสมเทียมระหว่างมดลูกโดยคำนึงถึงปัจจัยหลายประการ เช่น ปัญหาภาวะมีบุตรยาก หรือเป็นทางเลือกสำหรับผู้หญิงที่เลือกเป็นพ่อแม่โดยไม่มีคู่สมรส กับผู้บริจาค หรือคู่รัก LGBT IUI อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเมื่อคู่รักหญิงหรือชายกำลังประสบปัญหาทางการแพทย์ต่อไปนี้:

มูกปากมดลูกหรือปัญหาปากมดลูก

ปากมดลูกของคุณเป็นช่องเปิดสำหรับมดลูก และเมือกที่ผลิตในปากมดลูกช่วยให้สเปิร์มเคลื่อนจากช่องคลอดไปยังท่อนำไข่ได้ เมือกหนาอาจขัดขวางการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ การรักษาด้วย IUI อสุจิจะถูกใส่เข้าไปในมดลูกของคุณ

ปัญหาอสุจิ:

การวิเคราะห์น้ำอสุจิเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาภาวะมีบุตรยาก หากอสุจิของคู่ของคุณอ่อนแอ มีขนาดเล็ก หรือมีรูปร่างผิดปกติ หรือหากคู่ของคุณไม่สามารถผลิตอสุจิได้ในปริมาณที่ต้องการ การผสมเทียมระหว่างมดลูกสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เนื่องจากต้องใช้อสุจิคุณภาพดีที่สุดเท่านั้นในการรักษา

ความผิดปกติของการแข็งตัวของอวัยวะเพศหรือการหลั่ง:

การรักษาด้วย IUI สามารถใช้ในกรณีที่คู่ครองไม่สามารถแข็งตัวของอวัยวะเพศได้หรือไม่สามารถหลั่งอสุจิได้

ภาวะมีบุตรยากที่ไม่สามารถอธิบายได้:

ภาวะนี้มักเกิดขึ้นเมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะมีบุตรยากไม่สามารถระบุสาเหตุของภาวะมีบุตรยากได้

กระบวนการไอยูไอ

การปรึกษาหารือ:

ในระหว่างการรับคำปรึกษา IUI เกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ครั้งแรก ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์จะหารือเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์และเป้าหมายการสร้างครอบครัวของคุณ จะมีการสั่งการตรวจวินิจฉัยเพื่อตรวจดูท่อนำไข่และมดลูกของคุณ ซึ่งจะช่วยกำหนดวิธีการรักษาภาวะเจริญพันธุ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ยา:

การรักษาด้วย IUI เกิดขึ้นระหว่างการตกไข่ อาจใช้ยารักษาภาวะเจริญพันธุ์เพื่อกระตุ้นการตกไข่ คลินิกของคุณจะตรวจสอบคุณด้วยอัลตราซาวนด์และการตรวจเลือดเพื่อกำหนดเวลาที่ดีที่สุดในการผสมเทียม

ขั้นตอน:

อสุจิของคู่ของคุณหรือผู้บริจาคจะถูกเตรียมในห้องปฏิบัติการของเราโดยใช้การล้างอสุจิเพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด ขั้นตอน IUI ใช้เวลาไม่กี่นาทีและไม่เจ็บปวด คล้ายกับการตรวจแปปสเมียร์ คุณสามารถกลับมาทำกิจกรรมได้ตามปกติหลังจากนั้น

หลังขั้นตอน:

สองสัปดาห์หลังการผสมเทียมระหว่างมดลูก จะทำการทดสอบการตั้งครรภ์ หากผลเป็นบวก ทีมรักษาภาวะเจริญพันธุ์ของคุณจะติดตามการตั้งครรภ์ของคุณ และในกรณีที่ผลการทดสอบการตั้งครรภ์ของคุณเป็นลบ พวกเขาจะวางแผนรอบใหม่หรือสำรวจวิธีการรักษาอื่น ๆ

ประโยชน์ของการรักษา IUI

IUI คือการรักษาภาวะเจริญพันธุ์ที่ง่ายและคุ้มค่า ซึ่งแนะนำสำหรับสภาวะต่างๆ เช่น ภาวะมีบุตรยากจากปัจจัยปากมดลูก ภาวะมีบุตรยากจากไข่ ภาวะมีบุตรยากจากฝ่ายชาย ภาวะมีบุตรยากทางภูมิคุ้มกันวิทยา และภาวะมีบุตรยากโดยไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนี้ IUI ยังช่วยให้อสุจิเข้าถึงไข่ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากช่วยลดเวลาและระยะทางในการไปถึงไข่ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

การวิจัยชี้ให้เห็นว่าการกระตุ้นรังไข่มากเกินไป อัตราความสำเร็จของ IUI จะเพิ่มขึ้น การรักษาด้วย IUI เป็นที่นิยมสำหรับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 35 ปี  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีเทคโนโลยีจำกัด ผู้เชี่ยวชาญของคุณอาจแนะนำรอบการผสมเทียมระหว่างมดลูก 4-6 รอบก่อนที่จะพิจารณาการผสมเทียมหรือทางเลือกอื่นๆ

ความเสี่ยง

การรักษาด้วย IUI เป็นขั้นตอนที่ไม่รุกรานและปลอดภัย โดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุดที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรง ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้แก่:

การติดเชื้อ:
ขั้นตอนการผสมเทียมระหว่างมดลูกมีความเสี่ยงเล็กน้อยต่อการติดเชื้อ แต่แพทย์ของคุณใช้เครื่องมือที่ปลอดเชื้อเพื่อลดความเสี่ยงนี้ ทำให้การติดเชื้อเกิดขึ้นได้ยาก

ทารกหลายคน
หากใช้ยารักษาภาวะเจริญพันธุ์เพื่อกระตุ้นการตกไข่ ก็มีโอกาสที่จะมีลูกหลายคนเนื่องจากมีการปล่อยไข่มากกว่าหนึ่งฟอง แพทย์ของคุณจะตรวจสอบและปรับยาอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการปล่อยไข่มากเกินไป

อาการอื่นๆ
ในบางกรณี การใช้ยาเพื่อการเจริญพันธุ์ระหว่าง IUI อาจทำให้เกิดภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (OHSS) ส่งผลให้รังไข่ขยายใหญ่ขึ้น มีของเหลวสะสม และตะคริว ไม่บ่อยนัก OHSS อาจทำให้เกิดอาการรุนแรง เช่น เวียนศีรษะ น้ำหนักเพิ่มกะทันหัน หายใจลำบาก คลื่นไส้ ปวดท้องรุนแรง หรือขนาดช่องท้องเพิ่มขึ้น หากคุณพบอาการเหล่านี้ควรติดต่อแพทย์ทันที

การเตรียมตัวเข้ารับการรักษา IUI

ในรอบ IUI โดยทั่วไป เริ่มต้นตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนและสิ้นสุดประมาณสองสัปดาห์หลัง IUI ด้วยการทดสอบการตั้งครรภ์ในเลือด ประมาณวันที่สองหรือสามของประจำเดือน การตรวจเลือดจะยืนยันว่าคุณยังไม่ได้ตั้งครรภ์ แพทย์ของคุณอาจทำอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอดเพื่อตรวจเยื่อบุมดลูกและรูขุมขนของรังไข่ ก่อนการตกไข่ การตรวจอัลตราซาวนด์เพิ่มเติมจะทำให้เยื่อบุหนาขึ้นและรูขุมขนจะโตขึ้น เมื่อรูขุมขนโตเต็มที่มีขนาดมากกว่า 20 มม. เวลาตกไข่ก็ใกล้เข้ามา แพทย์ของคุณอาจใช้ยาฉีดกระตุ้น hCG เพื่อกระตุ้นการตกไข่ หรือคุณสามารถวัดระดับ LH ที่บ้านได้ เมื่อระดับ LH สูงสุด IUI จะดำเนินการในวันถัดไป

การทำ IUI มีค่าใช้จ่ายเท่าไร?

ค่าใช้จ่ายของการรักษาด้วย IUI มักจะเริ่มต้นที่ 13,900 -25,000ต่อรอบ

แชร์

บทความอื่นๆ

ประเมินครบทั้งสามด้าน: ไข่ – มดลูก – อสุจิ

Having a Baby Isn’t Hard, Just Check These 3 Key Factors to Know Your Chances

วิเคราะห์โอกาสตั้งครรภ์แบบมืออาชีพ โดยแพทย์เฉพาะทาง ที่ Smile IVF

การวางแผนตั้งครรภ์ไม่ใช่แค่ “อยากมีลูกเมื่อไหร่ก็ทำได้” โดยเฉพาะผู้หญิงยุคใหม่ที่อายุเพิ่มขึ้น ภาวะเครียด หรือปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลต่อการมีบุตรแบบไม่รู้ตัว วันนี้ Smile IVF ช่วยสรุป “3 สิ่งสำคัญ” ที่บ่งบอกได้ว่า คุณเป็นคนท้องง่ายหรือท้องยาก เพื่อให้คุณสามารถประเมินตัวเองเบื้องต้น และวางแผนเข้าพบแพทย์ได้อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น


✅ 1. คุณภาพไข่ (Egg Quality) คือหัวใจของโอกาสตั้งครรภ์

คุณภาพไข่ลดลงตามอายุ โดยเฉพาะหลังอายุ 35 ปี ทำให้โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติลดลงอย่างชัดเจน
ปัจจัยที่ทำให้ “ท้องยาก” มักเกี่ยวข้องกับ

  • ไข่ตกไม่สม่ำเสมอ

  • ตอบสนองต่อยากระตุ้นไข่น้อย

  • AMH ต่ำ

  • อายุเกิน 35 ปี

ที่ Smile IVF แนะนำให้ตรวจ AMH (Anti-Mullerian Hormone) เพื่อประเมินปริมาณไข่ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เช่น IUI, IVF หรือ ICSI


✅ 2. ความสมบูรณ์ของมดลูกและท่อนำไข่

“บ้านของลูก” ต้องพร้อมตั้งแต่ก่อนเริ่มพยายามตั้งครรภ์
สิ่งที่ทำให้ตั้งครรภ์ยาก ได้แก่

  • พังผืดในโพรงมดลูก

  • เนื้องอกมดลูกกดทับโพรงมดลูก

  • ถุงน้ำรังไข่

  • ท่อนำไข่อุดตัน

  • เคยผ่าคลอดหลายครั้งจนเกิดพังผืด

การตรวจที่ช่วยประเมินความพร้อม เช่น

  • อัลตราซาวด์โดยสูตินรีแพทย์

  • ตรวจท่อนำไข่ด้วย HSG

  • ตรวจมดลูกด้วยซาวด์ 4 มิติ

Smile IVF ใช้อัลตราซาวด์ความละเอียดสูง ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้แม่นยำและวางแผนรักษาเฉพาะรายบุคคล


✅ 3. คุณภาพอสุจิ (Sperm Quality) ของฝ่ายชาย

ฝ่ายชายก็เป็นสาเหตุ “ท้องยาก” ได้ถึง 40–50%
ปัจจัยเสี่ยงคือ

  • จำนวนอสุจิน้อย

  • การเคลื่อนไหวไม่ดี

  • รูปร่างผิดปกติ

  • สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์

  • พักผ่อนไม่เพียงพอ

  • เคยเป็นเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ

Smile IVF แนะนำตรวจ Semen Analysis เพื่อประเมินคะแนนอสุจิอย่างละเอียด และให้คำแนะนำการปรับตัวหรือการรักษาที่เหมาะสม


ทำไมตรวจที่ Smile IVF ดีต่อการวางแผนมีลูก?

  • ตรวจโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง IVF & ICSI

  • ประเมินครบทั้งสามด้าน: ไข่ – มดลูก – อสุจิ

  • วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล

  • เทคโนโลยี IVF/ICSI ระดับสากล

  • ที่ปรึกษาคอยติดตามใกล้ชิด

เมื่อครบทั้ง “3 ข้อนี้” คุณจะรู้ทันทีว่า
✔ ท้องง่าย
✔ ท้องยาก
✔ ต้องรีบรักษาเพื่อให้มีลูกทันช่วงอายุที่เหมาะสม


หากต้องการเช็กโอกาสตั้งครรภ์และเริ่มวางแผน

Smile IVF พร้อมดูแลตั้งแต่เริ่มตรวจจนถึงตั้งครรภ์
เพียงนัดหมายเข้ามาปรึกษา แพทย์จะช่วย “ประเมินโอกาสสำเร็จ” ให้แบบละเอียดและตรงจุดที่สุด

ลูกเกิดปีมะเมีย

วางแผนการตั้งครรภ์อย่างถูกต้อง เพื่อให้ทันปีมงคลที่คุณตั้งใจ

🩺 Planning to get pregnant in the Year of the Horse 2026? When should you start?

ปีมะเมีย 2569 ถือเป็นปีที่หลายครอบครัวให้ความสำคัญ เนื่องจากเชื่อว่าเด็กที่เกิดในปีม้าเป็นผู้มีความมุ่งมั่น คล่องแคล่ว ฉลาด และนำพาความเจริญรุ่งเรืองให้กับครอบครัว ความเชื่อทางวัฒนธรรมเหล่านี้ทำให้หลายคู่ต้องการวางแผนให้ลูกเกิดในปีดังกล่าวอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพที่สุด

ในปัจจุบัน เทคโนโลยีเจริญพันธุ์ เช่น IVF/ICSI ช่วยให้คู่รักสามารถวางแผนช่วงการตั้งครรภ์ให้สอดคล้องกับปีเกิดที่ต้องการได้อย่างปลอดภัย โดยยังคงยึดหลักวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่ถูกต้องเป็นสำคัญ

🗓 ควรเริ่มตั้งครรภ์เมื่อใด หากต้องการคลอดในปี 2569?

เพื่อให้ลูกเกิดภายในปีมะเมีย (ม.ค. – ธ.ค. 2569)
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตั้งครรภ์คือ

  • เดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2568 สำหรับการคลอดช่วงต้นปี 2569

  • หรือไม่เกินเดือนกันยายน 2568 สำหรับการคลอดปลายปี

ดังนั้น การเตรียมความพร้อมตั้งแต่ตอนนี้คือปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง


🧬 ทำไมการวางแผนด้วย IVF/ICSI จึงช่วยให้ทันปีมะเมียได้แม่นยำกว่า?

เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ช่วยในการกำหนดและควบคุมช่วงเวลาต่าง ๆ ได้ เช่น

  • การวางแผนกระตุ้นไข่ตามช่วงเวลาที่เหมาะสม

  • การเก็บตัวอ่อนและ แช่แข็งตัวอ่อนเพื่อเลือกย้ายในเดือนที่ต้องการ

  • การตรวจประเมินความพร้อมของโพรงมดลูกก่อนย้ายตัวอ่อนอย่างละเอียด

  • การคำนวณกำหนดคลอดได้ใกล้เคียงมากขึ้น

ขั้นตอนเหล่านี้ทำให้คู่รักสามารถวางแผนการมีลูกทันปีมงคลได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


🌟 ความเชื่อเกี่ยวกับเด็กปีม้า (นำเสนอในเชิงวัฒนธรรม)

ตามความเชื่อของหลายครอบครัว เด็กที่เกิดในปีมะเมียมักมีคุณลักษณะเด่น เช่น

  • ความฉลาด กระฉับกระเฉง

  • มีความเป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ

  • นำความโชคดี ความสำเร็จ และพลังบวกมาสู่ครอบครัว

  • เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าและความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

แม้เป็นเรื่องความเชื่อ แต่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้หลายคู่ลุกขึ้นมาใส่ใจสุขภาพและวางแผนการตั้งครรภ์อย่างจริงจังมากขึ้น


🩺 คู่ไหนควรเริ่มเข้ารับคำปรึกษาเพื่อเตรียมมีลูกทันปีมะเมีย?

  • มีบุตรยากหรือพยายามมาหลายปีแต่ยังไม่สำเร็จ

  • อายุ 35 ปีขึ้นไป

  • รอบเดือนผิดปกติ / ไข่ไม่ตก

  • มีภาวะพังผืดหรือเคยผ่าตัดเกี่ยวกับอุ้งเชิงกราน

  • มีตัวอ่อนแช่แข็งและต้องการวางแผนย้ายในช่วงเวลาที่กำหนด

  • ต้องการ “วางแผนอย่างแม่นยำ” เพื่อให้ทันปีมงคลโดยเฉพาะ

การเข้าพบแพทย์แต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ประเมินปัจจัยเสี่ยง วางแผนรักษา และกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมได้ดีที่สุด


🪴 ปีมะเมีย 2569 อาจเป็นปีที่หลายครอบครัวตั้งใจให้เป็น “ปีแห่งลูกคนพิเศษ” แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเตรียมร่างกาย ตรวจสุขภาพ และรับการดูแลจากทีมแพทย์เฉพาะทาง คือสิ่งที่จะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย

การผสานความเชื่อที่ดีงามเข้ากับเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์สมัยใหม่ ทำให้คุณสามารถวางแผนมีลูกทันปีมงคลได้อย่างมั่นใจและเป็นระบบมากขึ้น

หากต้องการประเมินโอกาสสำเร็จ วางแผนกระตุ้นไข่ หรือกำหนดรอบย้ายตัวอ่อน ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านมีบุตรยากของเรา ยินดีให้คำปรึกษาอย่างละเอียดค่ะ ✨ ถ้าตั้งใจอยากให้ลูกได้เกิดในปีมะเมีย 2569 ตอนนี้คือเวลาที่ต้องเริ่มตรวจสุขภาพ วางแผนรอบไข่ และปรึกษาหมอด้านการเจริญพันธุ์ค่ะ 🐴💖

ตรวจมะเร็งปากมดลูก ThinPrep และ HPV DNA Test ต่างกันอย่างไร? ตรวจแบบไหนดีกว่ากัน

มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคร้ายที่สามารถป้องกันได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การตรวจคัดกรองจึงเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรมองข้าม

ในปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองหลัก 2 วิธีที่แพทย์แนะนำ ได้แก่
ThinPrep (Pap Test)
HPV DNA Test

ทั้งสองวิธีช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ก่อนเป็นมะเร็งจริง เพิ่มโอกาสในการรักษาหายขาด


วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

ที่ใช้ในทางการแพทย์

1. ThinPrep Pap Test
เก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูกแบบ Liquid-based เพื่อดูความผิดปกติของเซลล์ ตรวจได้แม่นยำกว่า Pap Smear แบบดั้งเดิม

ข้อดี
• ตรวจพบความผิดปกติของเซลล์ตั้งแต่ระยะแรก
• คุณภาพสไลด์ดีกว่า ลดโอกาสการอ่านผลคลาดเคลื่อน
• ตรวจเจอการติดเชื้อบางชนิดร่วมด้วย


2. HPV DNA Test
ตรวจหา DNA ของไวรัส HPV กลุ่มเสี่ยงสูงที่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก ด้วยเทคโนโลยี PCR

ข้อดี
• ตรวจพบเชื้อได้แม้มีปริมาณน้อย
• ประเมินความเสี่ยงล่วงหน้าได้แม่นยำ
• ใช้ติดตามผลการรักษาได้

หมายเหตุ
การพบเชื้อ HPV ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นมะเร็งเสมอไป ร่างกายกำจัดเชื้อได้เองในหลายกรณี แพทย์จะเป็นผู้ประเมินความจำเป็นของการติดตามเพิ่มเติม


📌 เมื่อผลตรวจผิดปกติ
แพทย์อาจแนะนำ
• ตรวจด้วยกล้องโคลโปสโคป (Colposcopy)
• ตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy)
เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม


ตรวจแบบไหน เหมาะกับช่วงอายุของคุณ?

👩 อายุ 21–29 ปี
• แนะนำตรวจ ThinPrep ปีละครั้ง
• หากตรวจปกติ 3 ปีซ้อน สามารถเว้นเป็นทุก 2 ปี

👩 อายุ 30 ปีขึ้นไป
ตัวเลือกในการตรวจ
• ThinPrep ทุก 3 ปี
• HPV DNA Test ทุก 5 ปี
• หรือ Co-testing (ตรวจร่วมกัน) ทุก 5 ปี


🎯 ทำไม Co-testing ถึงดีที่สุด?
การตรวจ ThinPrep บอกสภาพเซลล์ในปัจจุบัน
การตรวจ HPV DNA บอกความเสี่ยงที่จะเกิดในอนาคต

เมื่อตรวจทั้งสองอย่างและผลปกติ
ความเสี่ยงเกิดมะเร็งปากมดลูกใน 5 ปีถัดไป ต่ำมากกว่า 99%
ลดความถี่การตรวจได้ ประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว


สรุปให้สั้นที่สุด

ประเด็น ThinPrep HPV DNA Test
ตรวจหาอะไร ความผิดปกติของเซลล์ เชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูง
เหมาะกับวัย 21 ปีขึ้นไป 30 ปีขึ้นไป
ความถี่ 1–3 ปี 3–5 ปี
ข้อเด่น รู้ทันความเปลี่ยนแปลงของเซลล์ ประเมินความเสี่ยงล่วงหน้าได้แม่นยำ

💗 การตรวจเพียงไม่กี่นาที สามารถช่วยชีวิตได้

มะเร็งปากมดลูกป้องกันได้
แค่ตรวจสม่ำเสมอ
ตรวจเร็ว รู้เร็ว รักษาได้ทัน


หากต้องการนัดหมายตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
สามารถติดต่อทีมเจ้าหน้าที่ของเราได้ตลอดนะคะ 🩷✨ โทร 02-097-1977

Reproductive Technology Accreditation Certification (RTAC)

การรับรองมาตรฐานและใบประกาศนียบัตรของเรา

smile ivf clinic ภูมิใจนำเสนอมาตรฐานการให้บริการที่ได้รับการรับรองในระดับสากล เพื่อความมั่นใจของผู้เข้ารับการรักษาทุกท่าน


1. Reproductive Technology Accreditation Certification (RTAC)

Reproductive Technology Accreditation Certification (RTAC)

RTAC คือการรับรองคุณภาพคลินิกเด็กหลอดแก้วจากประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

smile ivf clinic เป็นคลินิกเพื่อการมีบุตร แบบครบวงจรในประเทศไทย

หลักปฏิบัติของ RTAC มีจุดมุ่งหมายเพื่อ:

  • ส่งเสริมคุณภาพการดูแลและการรักษาอย่างต่อเนื่อง

  • จัดทำเกณฑ์การตรวจสอบและรับรององค์กรด้านการมีบุตร

  • ตรวจสอบด้วยกระบวนการที่เป็นอิสระและสร้างสรรค์


2. ESHRE Certification

ESHRE Certification

การรับรองจาก สมาคมเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์แห่งยุโรป สำหรับ Senior และ Clinical Embryologist

นักเพาะเลี้ยงตัวอ่อนจาก smile ivf clinic  ที่ได้รับการรับรอง ESHRE ในปี ค.ศ. 2022 แสดงถึงความเชี่ยวชาญในระดับ

สากลด้านการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนใน IVF LAB


3. ISO 9001:2015

ISO 9001:2015

smile ivf clinic ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001:2015 จากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (BSI) การรับรองนี้สะท้อนถึงมาตรฐานการบริหารงานและการดูแลผู้ป่วยที่มีคุณภาพ และเป็นไปตามข้อกำหนดล่าสุดในระดับโลก

ICSI IVF IN BANGKOK THAILAND

เมื่อเริ่มต้นเส้นทางของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) การเลือกคลินิกที่ใช่ และที่สำคัญที่สุดคือแพทย์ IVF ที่ดีที่สุด สามารถสร้างความแตกต่างได้ทั้งหมด ในประเทศไทย Smile IVF Clinic โดดเด่นในฐานะศูนย์ความเป็นเลิศที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์ที่มีทักษะสูงและมีเมตตา และหนึ่งในหัวใจสำคัญของทีมคือ นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ หรือ #หมอเหมา ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านความเชี่ยวชาญและความใส่ใจในผู้ป่วย แล้วแนวทางของแพทย์ IVF ที่ดีที่สุดอย่าง นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ ที่ Smile IVF Clinic แตกต่างออกไปอย่างไร? มันคือการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ล้ำสมัย การดูแลส่วนบุคคล และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเส้นทางสู่การเป็นพ่อแม่ที่ไม่เหมือนใครของแต่ละคน

ความแตกต่างของ Smile IVF Clinic: แนวทางการรักษา IVF แบบองค์รวมของ นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ (#หมอเหมา)

ที่ Smile IVF Clinic แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์ชั้นนำของเรา รวมถึง นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ หรือ #หมอเหมา ก้าวข้ามโปรโตคอลมาตรฐาน โดยนำปรัชญาที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางมาใช้ ซึ่งครอบคลุมทุกแง่มุมของกระบวนการ IVF:

  1. การให้คำปรึกษาและการวินิจฉัยที่ครอบคลุม: การเดินทางเริ่มต้นด้วยการปรึกษาอย่างละเอียดลึกซึ้ง นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ และทีมแพทย์ IVF ของเราที่ Smile IVF Clinic ทุ่มเทเวลาทำความเข้าใจประวัติทางการแพทย์ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตใจของคุณอย่างครบถ้วน พวกเขาใช้เครื่องมือวินิจฉัยขั้นสูงเพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริงของภาวะมีบุตรยาก เพื่อให้มั่นใจถึงการวินิจฉัยที่แม่นยำและถูกต้อง ขั้นตอนนี้เป็นพื้นฐานสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพ
  2. แผนการรักษาที่ปรับให้เหมาะสม: ด้วยตระหนักว่าไม่มีผู้ป่วยสองรายใดเหมือนกัน แพทย์ IVF ที่ดีที่สุดที่ Smile IVF Clinic รวมถึง นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ จะสร้างแผนการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเลือกโปรโตคอลการกระตุ้นรังไข่ที่เหมาะสมที่สุด การกำหนดเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับขั้นตอนต่างๆ และการรวมเทคนิคพิเศษ เช่น ICSI (การฉีดอสุจิเข้าสู่เซลล์ไข่โดยตรง) หรือ PGT (การตรวจคัดกรองพันธุกรรมตัวอ่อนก่อนการฝังตัว) หากจำเป็น ทุกการตัดสินใจทำร่วมกับผู้ป่วย เพื่อให้มั่นใจถึงความโปร่งใสและความสบายใจ
  3. ความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ขั้นสูง: แพทย์ของเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการกำกับดูแลและดำเนินการตามขั้นตอนที่ซับซ้อนด้วยความแม่นยำ ตั้งแต่การควบคุมระยะการกระตุ้นรังไข่ ไปจนถึงการดำเนินการเก็บไข่ที่ละเอียดอ่อน และการจัดการการย้ายตัวอ่อนอย่างพิถีพิถัน ความเชี่ยวชาญของแพทย์ Smile IVF Clinic โดยเฉพาะ นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ (#หมอเหมา) เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง พวกเขาทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์เอ็มบริโอที่มีทักษะ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิที่ประสบความสำเร็จและการพัฒนาตัวอ่อนที่มีสุขภาพดี
  4. การสนับสนุนผู้ป่วยแบบองค์รวม: ด้วยความเข้าใจถึงผลกระทบทางอารมณ์ของการรักษาภาวะเจริญพันธุ์ แพทย์ของเราที่ Smile IVF Clinic โดยเฉพาะ นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ ให้ความสำคัญกับการดูแลด้วยความเมตตา พวกเขาตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ป่วยได้รับการรักษาทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์และการสื่อสารที่ชัดเจนในทุกขั้นตอน พวกเขาเสริมสร้างพลังให้ผู้ป่วยด้วยข้อมูล ตอบทุกคำถาม และให้ความมั่นใจตลอดการเดินทาง

เส้นทาง IVF ภายใต้การดูแลของแพทย์ Smile IVF Clinic โดย นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ (#หมอเหมา):

กระบวนการโดยทั่วไปประกอบด้วย:

  • การกระตุ้นรังไข่: แพทย์สั่งยาเพื่อกระตุ้นรังไข่ให้ผลิตไข่หลายฟอง
  • การเก็บไข่: การผ่าตัดเล็กน้อยที่ดำเนินการโดยแพทย์เพื่อเก็บไข่
  • การปฏิสนธิ (IVF/ICSI): ไข่จะได้รับการปฏิสนธิกับอสุจิในห้องปฏิบัติการภายใต้การดูแลของแพทย์หรือทีมนักวิทยาศาสตร์เอ็มบริโอ
  • การพัฒนาตัวอ่อน: ตัวอ่อนจะถูกเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการเป็นเวลาหลายวัน
  • การย้ายตัวอ่อน: ตัวอ่อนที่มีแนวโน้มดีที่สุดจะถูกย้ายเข้าไปในมดลูกอย่างนุ่มนวลโดยแพทย์
  • การทดสอบการตั้งครรภ์และการติดตามผล: แพทย์จะติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจหาการตั้งครรภ์และให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง

ทำไมถึงเลือกแพทย์ที่ Smile IVF Clinic โดยเฉพาะ นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ (#หมอเหมา)?

การเลือกแพทย์ที่ Smile IVF Clinic โดยเฉพาะ นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ (#หมอเหมา) หมายถึงการเลือกความเชี่ยวชาญที่เหนือชั้น เทคโนโลยีขั้นสูง การดูแลส่วนบุคคล และทีมงานที่ทุ่มเทในการเปลี่ยนความฝันของคุณในการเป็นพ่อแม่ให้กลายเป็นความจริง แพทย์ของเรายึดมั่นในมาตรฐานสูงสุดของการปฏิบัติทางการแพทย์ ทำให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในเส้นทาง IVF ของคุณ

สรุป: “แพทย์ IVF ที่ดีที่สุด” ที่ Smile IVF Clinic โดยเฉพาะ นพ.กิจทวี รัตนวัฒนศิลป์ หรือ #หมอเหมา ถูกกำหนดโดยความรู้ทางการแพทย์ที่ลึกซึ้ง แนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลที่พิถีพิถัน และความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ป่วย หากคุณกำลังพิจารณาการทำ IVF ไว้ใจผู้เชี่ยวชาญที่ Smile IVF Clinic เพื่อนำทางคุณด้วยความเอาใจใส่และความแม่นยำในทุกขั้นตอน